.

กระดาษจั่วปัง เป็นกระดาษที่ถูกใช้ในการพิมพ์งาน การเขียน หรือผ่านการใช้งานต่าง ๆ แล้วถูกนำมาขายทิ้งเป็นเศษกระดาษ จนกระทั่งได้มีการรวบรวมเศษกระดาษเหล่านี้มาจากแหล่งต่าง ๆ ป้อนเข้าโรงงานผลิตกระดาษ เพื่อทำการแปรรูป และนำกลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง เราเรียกกระบวนการนี้ว่า การรีไซเคิล (Recycle) โดยการนำกระดาษที่ผ่านการใช้งานนี้มาปรับแต่งด้วยการแช่น้ำ บด ปั่นแหลก ให้เป็นอณูชิ้นเล็กที่สุด เพื่อกำจัดพื้นผิวภายนอก เช่น เคมี หมึก น้ำยาต่าง ๆ แล้วกรองออก เหลือเพียงเยื่อกระดาษที่ผ่านการแช่น้ำจนยุ่ย แล้วนำเอาเยื่อเหล่านี้มาปรับใส่สารเติมแต่งบางอย่างเพื่อให้มีความคงตัวเพิ่มขึ้นและแข็งตัวได้ดี จากนั้นจึงนำมาผลิตเป็นกระดาษเพื่อการใช้ซ้ำอีกครั้ง


เรามักจะเห็นเป็นแผ่นกระดาษแข็ง ๆ สีเทา ๆ ซึ่งในต่างประเทศจะเรียกกระดาษแบบนี้ว่า Grey Board ส่วนบ้านเรามักจะเรียกติดปากกันว่า กระดาษจั่วปัง (纸板) อันเป็นคำที่มาจากภาษาจีน โดย จั้ว (纸) แปลว่า กระดาษ ปัง (板) แปลว่า แข็ง รวมคำกันเป็นคำว่า กระดาษแข็ง สมัยก่อนในเมืองจีน โรงงานผลิตสินค้าประเภทพวกเครื่องสำอาง จะนำเอากระดาษแข็งชนิดนี้มาดัดแปลงทำเป็นกล่องสำหรับใส่แป้งขาว (สมัยนี้ก็เทียบได้กับแป้งพัฟที่คุณผู้หญิงใช้กันอยู่) สำหรับทาหน้าของผู้หญิง เลยเป็นที่มาของคำว่า จั่วปัง ในภาษาจีน นานวันผ่านไป เมืองไทยก็มีการนำเอากระดาษแข็งแบบนี้มาทำเป็นกล่อง แต่ยังไม่มีคำเรียกเฉพาะ ก็เลยเรียกทับศัพท์ไปว่าเป็นกล่องจั่วปัง จึงกลายเป็นสรรพนามสำหรับกล่องชนิดนี้ไปแล้ว ซึ่งเรียกขานปุ๊บ คนก็จะเข้าใจกันปั๊บ
สำหรับความหนาของกระดาษจั่วปัง ที่เห็นกันในตลาด ผู้ค้าจะเริ่มต้นกันตามคำเรียกขานว่า เบอร์ 8 เบอร์ 10, 12, 14, 16, 20, 24, 28, 30, 32 จนถึงความหนาเบอร์ที่สุดขณะนี้ คือ เบอร์ 36 หากเทียบเป็นน้ำหนักของกระดาษ ก็จะได้ข้อมูลดังต่อไปนี้:

N0.8  หนา 0.70 mm. หรือ 420 g.
N0.10 หนา 0.90 mm. หรือ 520 g.
N0.12 หนา 1.10 mm. หรือ 620 g.
NO.14 หนา 1.20 mm. หรือ 720 g.
N0.16 หนา 1.40 mm. หรือ 840 g.
N0.20 หนา 1.70 mm. หรือ 1,040 g.
N0.24 หนา 2.00 mm. หรือ 1,260 g.
N0.28 หนา 2.20 mm. หรือ 1,460 g.
N0.30 หนา 2.60 mm. หรือ 1,560 g.
N0.32 หนา 2.80 mm. หรือ 1,680 g.
N0.36 หนา 3.10 mm. หรือ 1,820 g.

ขนาดการบรรจุ มักจะเรียกขานกันเป็นก้อน หรือบางครั้งก็เรียกเป็นรีม แต่ในหนึ่งก้อนหรือหนึ่งรีมนั้น จำนวนแผ่นจะไม่เท่ากัน โดยขนาดบรรจุมาตรฐานต่อรีมจะประมาณดังนี้:

ไซส์มาตรฐาน 27 x 31 
N0.8 หนา 420 g. มีจำนวน 110 แผ่น / รีม
N0.10 หนา 520 g. มีจำนวน 90 แผ่น / รีม
N0.12 หนา 620 g. มีจำนวน 75 แผ่น / รีม
N0.14 หนา 720 g. มีจำนวน 65 แผ่น / รีม
N0.16 หนา 840 g. มีจำนวน 56 แผ่น / รีม
N0.20 หนา 1040 g. มีจำนวน 45 แผ่น / รีม
N0.24 หนา 1260 g. มีจำนวน 37 แผ่น / รีม
N0.28 หนา 1460 g. มีจำนวน 32 แผ่น / รีม
N0.30 หนา 1560 g. มีจำนวน 30 แผ่น / รีม
N0.32 หนา 1680 g. มีจำนวน 28 แผ่น / รีม
N0.36 หนา 1880 g. มีจำนวน 25 แผ่น / รีม

ไซส์มาตรฐาน 31 x 43 
N0.8 หนา 420 g. มีจำนวน 69 แผ่น / รีม
N0.10 หนา 520 g. มีจำนวน 56 แผ่น / รีม
N0.12 หนา 620 g. มีจำนวน 47 แผ่น / รีม
N0.14 หนา 720 g. มีจำนวน 40 แผ่น / รีม
N0.16 หนา 840 g. มีจำนวน 35 แผ่น / รีม
N0.20 หนา 1040 g. มีจำนวน 28 แผ่น / รีม
N0.24 หนา 1260 g. มีจำนวน 23 แผ่น / รีม
N0.28 หนา 1460 g. มีจำนวน 20 แผ่น / รีม
N0.30 หนา 1560 g. มีจำนวน 19 แผ่น / รีม
N0.32 หนา 1680 g. มีจำนวน 17 แผ่น / รีม
N0.36 หนา 1880 g. มีจำนวน 15 แผ่น / รีม

การใช้งานตามความหนาของกระดาษจั่วปัง

เรามักพบเห็นการใช้กระดาษแข็งจั่วปัง เบอร์ 8 จนถึงเบอร์ 10 ใช้พิมพ์หรือผลิตเป็นแผ่นป้ายแขวน ป้ายราคา กระดาษแข็งจั่วปังเบอร์ 12, 16 มักจะเห็นนำมาผลิตเป็นขาตั้งแป้นปฏิทินตั้งโต๊ะ หรือติดแผ่นป้ายโฆษณา กระดาษแข็งจั่วปังเบอร์ 20, 24 มักจะเห็นนำไปทำเป็นปกหนังสือปกแข็ง หรือแผ่นปกสำหรับประกาศนียบัตร ปริญญาบัตรต่างๆ ที่เห็นหุ้มด้วยผ้าไหมหรือผ้าสังเคราะห์แบบต่าง ๆ นั่นล่ะ หรือบางทีความหนาแบบนี้ก็นำมาทำเป็นกล่องกระดาษแข็ง แล้วหุ้มด้วยกระดาษพิมพ์ลายกราฟิก หรือ กระดาษแฟนซีสวย ๆ ต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความสวยงาม เป็นต้น

เบอร์ที่หนาขึ้นก็มีการนำไปใช้ในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป เช่น อาจนำไปผลิตเป็นกระเป๋า (กระดาษแข็ง) เอกสาร หรือ ปกแฟ้มกันเลย นอกจากนี้ นักออกแบบบรรจุภัณฑ์ นักคิด นักออกแบบอื่นๆ ก็อาจกำหนดให้กระดาษแข็งจั่วปังเป็นไส้ใน แล้วห่อหุ้มด้วยวัสดุที่เลือกสรร ประกอบกันขึ้นเป็นผลิตภัณฑ์แบบต่างๆ เช่น เป็นกล่องกึ่งปกแฟ้ม หรือ กล่องบรรจุเหล้า เครื่องดื่มสุราที่มีแบรนด์ มีตราดัง ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มสินค้าหรู เป็นต้น


ซึ่งคุณสมบัติที่หนาแข็งแรงนี้ ทำให้เกิดเป็นโครงสร้างภายในหรือไส้ในที่แข็งแรงเพียงพอที่จะปกป้องสินค้าที่มีความบอบบาง หรือชำรุดแตกหักได้ง่ายได้ดี ด้วยการออกแบบถาดรับ หรือชิ้นวางที่กระชับ แข็งแรง สามารถโอบอุ้มและป้องกันสินค้าภายในได้อย่างเหมาะสม ในขณะที่ตัวหุ้มผิวนอก ก็อาจใช้วัสดุที่ปรับแต่งให้สวยงาม เช่น กระดาษที่พิมพ์ไว้อย่างสวยงาม หรือวัสดุสังเคราะห์ที่มีความเหนียวหยุ่น ทนทาน มาหุ้มเพื่อให้เกิดความสวยงาม ทำให้ได้เป็นบรรจุภัณฑ์ที่ดูดี มีความหรู และทำให้ภาพลักษณ์ของสินค้ายกระดับความมีคุณค่าได้อีกด้วย.../*

 

ดาวน์โหลดบทความนี้   


ลักษณะกล่อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้